ถึงแม้ทุกวันนี้เรื่องของขั้นนตอนการทำให้เกิดไฟล์ฟอนต์อาจจะไม่ใช้สิ่งที่เกินที่จะหาอีกต่อไป การขยายตัวของกลุ่มผู้ที่พอจะมีความรู้พื้นฐานด้านเทคโนโลยีก็เริ่มมองเห็นข้อดีของการส่งต่อความรู้ เหตุที่เป็นเช่นนี้น่าจะเป็นเพราะว่าในทุกช่วงที่บ้านเราเกิดอาการสะดุดเรื่องของการพัฒนาฟอนต์ ทุกครั้งล้วนเป็นผลสืบเนื่องมาจาก การตั้งใจเก็บชุดความรู้ในวงจำกัด
กลุ่มที่นับถือแนวคิดในลักษณะนี้จะมองว่า การจำกัดวงของความรู้เป็นการเพิ่มความพิเศษ แต่ในความเป็นจริงแล้วกลุ่มที่ใช้แนวทางจำกัดความรู้ มีแนวโน้มที่จะไม่สามารถพัฒนาเพื่อขยายองค์ความรู้ได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เป็นปรากฏการณ์ที่ดีอย่างมาก ที่นักออกแบบรุ่นใหม่เรียนรู้จากข้อผิดพลาดดังกล่าว
เรื่องของเทคนิคจึงเคลื่อนตัวออกจากมุมมืด กลายตัวมาเป็นความรู้เชิงเปิด เมื่อมีการเข้าถึงอย่างกว้างขวางจึงก่อให้เกิด การทดลอง การถกเถียง และแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมถึงความคิดเห็นที่หลากหลาย ท้ายสุดคือการแข่งขันซึ่งจะการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนา อันที่จริงแล้วแนวคิดการจำกัดความรู้เชิงปิดนี้เป็นปัญหาในระดับมหภาคที่หยั่งรากลึกในสังคมไทยแทบในทุกกลุ่มความรู้
จากแอสกี้โค๊ดข้ามผ่านมาสู้โอเพ้นท์ไทป์อย่างทุลักทุเล เนื่องด้วยเหตุผลทางด้านการจำกัดองค์ความรู้ และการไม่มีกลุ่มก้อนทางการพัฒนาฟอนต์ หากยังพอจำกันได้ถึงความโกลาหลในการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากฮาร์ดแวร์ ส่งมาสู่ซอฟแวร์ และการเปิดประตูสู่การใช้ยูนิโค๊ตเพื่อประโยชน์ทางการสื่อสารและการจัดการข้อมูลในระดับนานาชาติ ซึ่งนับว่าเป็นการจัดระเบียบเรื่องการเก็บข้อมูลเชิงมหภาค
แน่นอนที่ “ฟอนต์” กุญแจสำคัญในการทำให้ข้อความแสดงผล มนุษย์เราเข้าใจในข้อมูล ตลอดจนถึงการมีอารมณ์ร่วมกับข้อมูล แตกเป็นความคิดเห็น หรือใช้เพียงแค่การสื่อสารขั้นพื้นฐาน ฟอนต์ต้องมีการปรับตัว โอเพ้นท์เป็นหน้าต่างที่สามารถทำให้เราเปิดเข้าไปในความเข้าใจที่พ้องกันได้ด้วยข้อตกลงที่เรียกว่ายูนิโค๊ต อนาคตของการแปลข้อมูลข้ามภาษาก็ถูกตั้งไว้บนฐานของยูนิโค๊ตนี้เอง
เมื่อการมาของโอเพ้นท์ไทป์ประจบกับการเรียนรู้จากการผิดพลาดของการเก็บองค์ความรู้เชิงปิด ผลลัพท์จึงออกมาในลักษณะการขยายวงความรู้เรื่องเทคนิค การใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ในขณะที่ทักษะและความรู้เรื่องการออกแบบถูกกลบให้เป็นเรื่องรอง ลักษณะพิการนี้เป็นไปในลักษณะเดียวกันกับการออกแบบแขนงอื่นๆ ที่ถูกการเข้ามาของคอมพิวเตอร์ทำให้เกิดความเข้าใจที่ไข้วเขว ในกรณีของฟอนต์ก็คือ ฟอนต์ถูกมองในลักษณะการให้ความสำคัญต่อการทำออกมาเป็นไฟล์ได้อย่างไรมากกว่าแบบตัวอักษรที่บรรจุภายใน
ณ จุดที่โอเพ้นท์ไทป์และความรู้เชิงเปิดบรรจบกัน ทำให้เรื่องฟอนต์ถูกแบ่งออกเป็นสองสายอย่างชัดเจน สายการออกแบบ และ สายเทคนิค สายทางการออกแบบดูจะเฟื่องฟูมากในช่วงหลังมานี้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะการเข้าถึงเทคนิคพื้นฐานอย่างเสมอภาค เมื่อวิธีทำทางซอฟแวร์ชัดเจนก็อนุญาตให้นักออกแบบได้ใช้ฝีมืออย่างสะดวก ซึ่งหากเราถามว่า แล้วมันยังเป็นสิ่งลี้ลับอยู่อีกหรือไม่ คำถามนี้คงต้องตอบโดยการนำปัจจุบันไปเปรียบเที่ยบกับยุค ๙๐ ที่ดูจะลี้ลับและวิกฤติที่สุด